1. ปลา เคยได้ยินใช่ไหมที่เขาว่ากินปลาแล้วจะฉลาด ซึ่งเนื้อปลาอุดมไปด้วยกรดอะมิโนไทโรซิน เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายสังเคราะห์ได้ มีบทบาทในการกระตุ้นและปรับเปลี่ยนการทำงานของสมอง สามารถช่วยฟื้นฟูความจำ และสารดีเอชเอ (Docosahexaenoic acid ) คือกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวซึ่งจำเป็นต่อร่างกาย สารดังกล่าวนี้จะช่วย ในการพัฒนาสมองและสายตา ช่วยเสริมสร้างความจำและการเรียนรู้ ทั้งนี้ยังช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมได้อีกด้วย ซึ่งการรับประทานนื้อปลา ไม่ว่าจะเป็นปลาทะเลน้ำลึกหรือว่าปลาน้ำจืดสามารถนำมาประกอบอาหารด้วยวิธี ที่ดีต่อสุขภาพอย่าง การต้ม การย่าง การนึ่ง ได้หลากหลายเมนู ซึ่งปลาเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี อีกทั้งยังย่อยง่ายอีกด้วย 2. ไข่ ไข่จัดเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีเพราะอุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ที่สำคัญ ประกอบด้วย โปรตีนถึง 6.3 กรัม ไขมัน วิตามิน เอ บี ดี อี ฟอสฟอรัส เหล็ก แคลเซียม สังกะสี ไอโอดีน ซิลิเนียม ทั้งนี้ในไข่แดงยังประกอบไปด้วยโคลีนซึ่งโคลีนเป็นส่วนประกอบในเลซิตินเป็น สารจำเป็นที่ร่างกายจะนำไปใช้เพื่อสร้างสารสื่อประสาท มีส่วนช่วยในกระบวนการส่งกระแสประสาท โดยเฉพาะในสมองส่วนที่ทำงานด้านความจำ 3. นมถั่วเหลือง นมถั่วเหลืองจัดเป็นเครื่องดื่มบำรุงสมองที่ดีไม่แพ้กัน ในนมถั่วเหลืองประกอบไปด้วย วิตามินเอ, บี, บี 1, บี 2, บี 6, บี 12 คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม ฟอสฟอรัส ไนอาซิน และเลซิตินที่เป็นสารบำรุงสมอง เสริมสร้างประสิทธิภาพในเรื่องของความจำ ป้องกันความจำเสื่อม 4. พืชตระกูลถั่ว ถั่วจัดได้ว่าเป็นโปรตีนที่ดีเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ถั่วลิสง อัลมอนด์ ฯลฯ ซึ่งในถั่วจะมีวิตามินอีที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างความจำ แหล่งที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ |
0 Comments
แพทย์ศัลยกรรมระบุว่าการใช้สมาร์ทโฟน (Smartphone) เป็นเวลานาน โดยก้มคอมามองที่หน้าจอแค่ 60 องศา กระดูกสันหลังที่คอจะรับน้ำหนักมากถึง 27 กิโลกรัม หรือเท่ากับเด็กอายุ 8 ขวบมาขี่คอ
ถ้าไม่รับการรักษา อาจเกิดอาการเรื้อรัง ลามมาส่วนล่างยังผลให้ปวดบั้นเอว อาจเป็นโรคปวดหลังเรื้อรัง ซึ่งยากแก่การรักษา… วิธีการรักษา คุณหมอบอกว่ามีตั้งแต่การผ่าตัด ใช้ยา ทำกายภาพ … ส่วนการใช้สมาร์ทโฟนในที่มืด หรือในที่แสงสว่างไม่เพียงพอ จะเป็นอันตรายต่อดวงตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาตื่นนอน และหยิบโทรศัพท์มาใช้ทันที จะยิ่งส่งผลกระทบต่อจอประสาทตาอย่างมาก ทำให้ตาแห้ง ยิ่งในเด็ก ทำให้สายตาสั้น เด็กที่ใช้สมาร์ทโฟนแบบนี้นานๆ จะมีภาวะ Lazy Eye หรือ ตาขี้เกียจ ทำให้การพัฒนาของสายตาไม่ได้ 100% นอกจากนี้ถ้าใช้สมาร์ทโฟนเป็นเวลานานอาจเกิดอีกโรคขึ้นได้คือ โรคสมาร์ทโฟนเฟซ (Smartphone Face) หรือ โรคหน้าแก่ก่อนวัย เนื่องจากเวลาก้มมากๆ เนื้อเยื่อจะลงมาอยู่ที่บริเวณแก้ม ทำให้หน้าย่น วิธีแก้ไขคือ ควรใช้มือถือในระยะเวลาสั้น หรือพักทุก 30 นาทีหากต้องใช้ในเวลานาน ขอบคุณ ข้อมูลจาก “สัญญาณเตือนภัย” ไทยพีบีเอส
เว็บไซต์ Computer world’s สหรัฐฯ ได้ทำการสำรวจความต้องการของผู้ประกอบการในการจ้างพนักงานไอทีเข้าทำงานในปี 2015 จำนวน 194 ราย พบว่า 10 ทักษะไอทีที่นายจ้างต้องการมากที่สุด ได้แก่ ทักษะด้านงาน Programming และ application development ซึ่งคงอันดับ 1 เช่นเดียวกับเมื่อปีที่แล้ว 1. 48% มองหาคนที่มีทักษะด้าน Programming/application development คงที่อันดับ 1 เมื่อปีที่แล้ว โปรแกรมเมอร์มีส่วนสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อน ธุรกิจไปข้างหน้า คนที่มีความถนัดด้านการพัฒนาโปรแกรมและมีประสบการณ์มากพอที่จะจัดการความ ต้องการที่ซับซ้อนได้เป็นอย่างดีกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมาก 2. 35% มองหาคนที่มีทักษะด้าน Project management ขยับขึ้นจากอันดับ 5 เมื่อปีที่แล้ว จะเห็นว่าในปีนี้มีความต้องการ Project Manager เพิ่มขึ้นถึง 4 อันดับ โดย Project Manager ที่ดีต้องมีทั้งความเฉียบแหลมทางธุรกิจและความรู้ด้านเทคโนโลยีควบคู่กัน นอกจากจะสามารถดูแลโครงการขนาดใหญ่ได้แล้ว ยังจำเป็นต้องมีประสบการณ์เป็นผู้นำในการพัฒนาซอฟต์แวร์แบบต่าง ๆ เช่น เปลี่ยนจากวิธีดั้งเดิมแบบ Waterfall เป็น Agile เพื่อให้งานสั้นลง ประหยัดเวลา และประหยัดงบประมาณ ใครมีคุณสมบัติเหล่านี้รับรองว่าไปได้ไกลแน่นอน 3. 30% มองหาคนที่มีทักษะด้าน Help desk/technical support ตกจากอันดับ 2 เมื่อปีที่แล้ว ความต้องการ Help desk และ technical support ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตราบใดที่ยังมีการพัฒนาอุปกรณ์และและแอพลิเคชั่น ก็ยังคงต้องการความช่วยเหลือจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญงาน IT Support อยู่นั่นเอง 4. 28% มองหาคนที่มีทักษะด้าน Security/compliance governance ขยับขึ้นจากอันดับ 7 เมื่อปีที่แล้ว ความปลอดภัยด้านไอทีหมายถึงความปลอดภัยของธุรกิจ ปัจจุบันผู้ประกอบการยอมลงทุนมากขึ้นในเรื่องความปลอดภัย จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ทักษะด้านงาน IT Security และ compliance governance เป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นในปีนี้ องค์กรต้องการคนที่มีความชำนาญที่จะช่วยรักษาความปลอดภัยของข้อมูล ป้องกันภัยคุกคาม และอุดช่องโหว่ทางไอทีให้แก่บริษัท 5. 28% มองหาคนที่มีทักษะด้าน Web development ไม่ติดอันดับเมื่อปีที่แล้ว ความเชี่ยวชาญในการพัฒนาเว็บเป็นหนึ่งในทักษะที่ หายากที่สุด เนื่องจากความต้องการของฝ่ายนายจ้างกับลูกจ้างไม่สัมพันธ์กัน มีช่องว่างระหว่างสิ่งที่บริษัทต้องการจะทำ กับความสามารถในการดำเนินการของ Web Developer ตามความต้องการนั้น ภาพประกอบโดย watcharakun เว็บไซต์ freedigitalphotos.net ที่มา http://th.jobsdb.com/th-th/articles/%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%B5-2015 |
Authorนานาสาระน่ารู้ ArchivesCategories |